OSTRACODA (Ostracods, mussel
or seed shrimps)
เป็นครัสตาเซียนที่พบทั้งในทะเลและน้ำจืด ลักษณะสำคัญคือมี 2 ฝา (bivalved
carapace) หุ้มตัวจนมิด ฝามีรูปร่างกลมหรือรูปไข่ ฝามีส่วนประกอบของแคลเซียมคาร์บอเนต
ขอบด้านหลังมีบานพับซึ่งมีส่วนประกอบของ cuticle ออสตราคอดบางชนิด
เช่น Family Cytheridae ที่บานพับมีสันและฟัน (teech) ที่ขอบด้านหลัง
บนฝาอาจมีซีตี ตุ่ม หลุมเล็ก ๆ หรือส่วนประกอบอื่น ใน Order Myodocopa
มีรอยหยักที่ขอบด้านหน้าของฝา ซึ่งเป็นช่องให้ antennae ยื่นออกมาขณะที่ปิดฝา
ลักษณะทั่วไป (General feature)
ออสตราคอดโดยทั่วไปมีขนาดเล็กคือยาวตั้งแต่ 1 มม. จนถึง 6-7 มม. แต่มีชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากคือ
Giganthocypris mulleri ซึ่งอาศัยในทะเล มีความยาวถึง 3 ซม. สีของออสตราคอดส่วนใหญ่เป็นสีออกเขียว
แต่อาจพบสีแดงหรือเหลืองบ้างในบางชนิด ลำตัวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ หัว
(head) และลำตัว (trunk) หัวใหญ่มีขนาดครึ่งหนึ่งของความยาวทั้งหมด บนหัวมีหนวด
2 คู่ (antennule และ antennae) ซึ่งยาวมาก นอกจากหนวดแล้วมี mandible
1 คู่ ขอบของ mandible คมสามารถใช้ตัดอาหารได้ดี รยางค์คู่ที่ 4 คือ
maxillules (1st masilla) maxillule แต่ละข้างประกอบด้วยแผ่นเหงือกและก้านเหงือก
ตาของออสตราคอด มีขนาดต่าง
ๆ กัน บางชนิดอาจไม่มีตา บางชนิดมีตาเดี่ยว (ocellus) 1 ข้าง บางชนิดมีตาเดี่ยว
1 คู่ ซึ่งเจริญมาจากตานอเพลียส บางชนิดมีตาประกอบซึ่งมีลักษณะเหมือนตาของไรน้ำใน
Suborder Cladocera
ลำตัว (trunk) สั้น ไม่เป็นปล้อง ลำตัวทั้งหมดคลุมด้วยฝา (carapace)
มีรยางค์บนลำตัว 3 คู่ คู่แรกคือ maxillae ซึ่งบางครั้งถูกจัดว่าเป็นรยางค์ของส่วนหัว
ตัวผู้มีแผ่น (palp) ใช้เป็น clasper รยางค์คู่แรกมีลักษณะคล้ายขา ที่ปลายเป็นอุ้งเล็บ
(claw) รยางค์คู่ที่ 2 มักจะโค้งเข้าหาลำตัว เพื่อทำหน้าที่เขี่ยสิ่งสกปรกออกจากฝาหรือลำตัว
ส่วนท้อง (abdomen) เล็กมาก มีรยางค์คือ caudal rami ซึ่งอาจยาวมาก เรียกว่า
furca ซึ่งมีปลายเป็นหนามแข็งหรือซีตี หรืออุ้งเล็บ (claw) furca หรือ
claw มักยื่นออกจากฝาเพื่อดันลำตัวให้หลุดจากพื้นท้องน้ำ
หนวดคู่ที่ 2 (antennae) มีการพัฒนาให้เหมาะสมกับแหล่งที่อยู่ ชนิดที่ว่ายน้ำจะมีหนวดยาว
และมีขนเพื่อให้เหมาะแก่การว่ายน้ำ ชนิดที่อยู่ตามพื้นจะมี antennae
ที่มีขนสั้น และพวกนี้จะใช้ส่วนท้องดันให้ลำตัวพ้นจากพื้น พวก Cytherid
มี antennae ที่มีลักษณะคล้ายขาใช้จับอาหารและเกี่ยวกับพันธุ์ไม้น้ำ
ชีววิทยาของออสตราคอด (Biology of ostracods)
ออสตราคอดส่วนใหญ่กินอาหารแบบกรอง แต่บางชนิดกินสัตว์อื่นเป็นอาหาร บางชนิดกินของเน่าเปื่อย
บางชนิดอาศัยร่วมกับสัตว์อื่น และบางชนิดเป็น parasite
ออสตราคอดไม่มีเหงือก การแลกเปลี่ยนออกซิเจนอาศัยการหมุนเวียนของน้ำ
แต่บางสกุล เช่น Asterope และบางชนิดของสกุล Cypridina มีแผ่นซึ่งอยู่ส่วนท้ายของด้านหลังที่ทำหน้าที่คล้ายเหงือก
มีรายงานว่าพบเฮโมโกลบินในออสตราคอดบางชนิด หัวใจและเส้นเลือดพบเฉพาะพวกออสตราคอดทะเลใน
Order Myodocopa หัวใจมีลักษณะเป็นถุงเล็ก 1 ถุง แบ่งเป็น 2 ห้อง ซึ่งเป็นห้องที่ต่อกับเส้นเลือดแดง
2 เส้น เส้นหนึ่งไปที่ด้านหน้าลำตัว และอีกเส้นหนึ่งไปยังด้านท้องและด้านข้าง
การหมุนเวียนเลือดเกิดขึ้นระหว่างผนังของฝาทั้ง 2 ฝา
ระบบประสาทของออสตราคอด
ระบบประสาทส่วนใหญ่ประกอบด้วยปมประสาท
2-3 ปม แต่ใน Family Cypridae มีเพียง 1 ปม ทุกชนิดมีตานอเพลียส (nauplius
eye) แต่ตาประกอบ (compound eye) จะพบเฉพาะใน Order Myodocopa และออสตราคอดที่เกาะอยู่กับที่
ออสตราคอด เป็นครัสตาเซียนกลุ่มแรก ที่มีรายงานว่าสามารถส่งแสงเรือง
(luminescent) สกุลทีสร้างแสงเรืองได้ พบในทะเล ได้แก่ Cypridina, Pyrocypris
และ Conchoecia แสงเรืองที่เกิดเป็นแสงสีฟ้า และเกิดขึ้นได้โดยการที่ออสตราคอดขับสารออกมาจากต่อมที่อยู่ใต้
labrum การเรืองแสงอาจเกิดจากการผสมกันของสาร 2 ชนิด คือ luciferin และ
luciferase ซึ่งมาผสมกันที่ภายนอก
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive system)
ออสตราคอดมีอวัยวะเพศผู้และเพศเมียแยกคนละตัว (dioecious) ตัวเมียมีรังไข่
1 คู่ ท่อนำไข่ 1 คู่ ซึ่งพองออกเป็นกระเปาะเพื่อเก็บน้ำเชื้อ (seminal
receptacle) ช่องรับน้ำเชื้อ (gonopore) อยู่ที่หลังรยางค์คู่สุดท้ายของลำตัว
(trunk) ตัวผู้มี testes 1คู่ แต่ละข้างประกอบด้วยท่อยาว 4 ท่อ ซึ่งยาวจรดฝาหุ้มตัว
ท่อนี้เชื่อมติดกับลำตัวเป็นท่อนำน้ำเชื้อ ปลายท่อน้ำเชื้อสิ้นสุดลงที่
penis ซึ่งอยู่ที่ด้านข้างของลำตัว ลักษณะของอวัยวะเพศผู้ใช้เป็นลักษณะแยกชนิด
ออสตราคอดบางชนิดมีเฉพาะเพศเมียเท่านั้น ฉะนั้น การสืบพันธุ์จึงเป็นแบบ
parthenogenesis ซึ่งไข่เจริญเป็นตัวอ่อนได้โดยไม่ต้องผสมกับสเปิร์ม
|